ตำนานเทพเจ้ากรีก ไซคี-อีรอส - ตำนานเทพเจ้ากรีก ไซคี-อีรอส นิยาย ตำนานเทพเจ้ากรีก ไซคี-อีรอส : Dek-D.com - Writer

    ตำนานเทพเจ้ากรีก ไซคี-อีรอส

    ผู้เข้าชมรวม

    1,365

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.36K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 พ.ย. 54 / 09:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ก่อนจะมาพูดถึง "กามเทพ" ของเรา (อีรอส - แปลว่าความใคร่)ลองเล่าไปถึงเทวีอะโฟไดก่อนอะโฟรไดตีนี่เป็นเทวีแห่งความรักและความงาม เป็นธิดาของซูสและไดโอเน่ ไดโอเน่เป็นเทวีที่อยู่มายาวนานยิ่งกว่าเหล่าเทพเจ้าแห่งโอลิมปัสเสียอีก ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าไดโอเน่เป็นเทพไททัน (เทพเจ้าร่างยักษ์) และเป็นบุตรีของโอรานอสและไกอา หรือเป็นโอเชียนิด (ธิดาแห่งท้องทะเล อาจเป็นเทพหรือเป็นแค่ภูตพรายก็ได้) และเป็นบุตรีของโอเชียนุสและทีธิสกันแน่ แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

        ยีงมีเรื่องกำเนิดของอะโฟรไดแบบ(ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับซูสและไดโอเน่เลย) ซึ่งเป็นเรื่องตั้งแต่ก่อนสมัยของทั้งเทพเจ้าไททันและเทพเจ้าโอลิมเปียน ในคราวนั้นโอรานอส (หรือยูเรนัส ถ้าเรียกอย่างโรมัน) ได้สมสู่กับไกอาและให้กำเนิดบุตรขึ้นมาจำนวนหนึ่งเป็นยักษ์และเป็นเทพไททันกลุ่มแรกของโลก โอรานอสกลัวว่าบุตรของตนจะก่อการกบฏและชิงเอาบัลลังก์แห่งเทพเจ้าไปจึงขังบุตรของตนไว้ใต้ดินทันทีที่ให้กำเนิด พึงเข้าใจว่าโอรานอสและไกอานี้คือสวรรค์และพิภพ คือท้องฟ้าและธรณี การจะกักขังยักษ์และเทพที่มีขนาดเท่ายักษ์ไว้ใต้ดินซึ่งก็คือตัวของไกอานั้น จึงทำให้ไกอาต้องทรมานแสนสาหัส ไกอาจึงสร้างมีดขึ้นมาเล่มหนึ่งทำจากโลหะอะดามันต์ (ใครเล่นเกม RPG รู้ไว้เลยครับว่า Adamantine Item ทั้งหลายนี่นะ มันมาจากตำนานกรีกนี่แหละ) แล้วมอบให้บุตรของตนไว้ เมื่อโอรานอสมาสมสู่กับไกอา โครนอส (กาลเวลา บางครั้งก็เรียกว่าโครนัส หรือโครนุส) หนึ่งในเหล่าไททันก็ใช้มีดเล่มนั้นตัดอวัยวะเพศของโอรานอสแล้วพาเหล่าพี่น้องหนีขึ้นมายังโลก (โอ้ น่าหยดหยอง) เมื่อหนีมาได้แล้วโครนอสก็โยนอวัยวะเพศของโอรานอสลงไปในทะเล ก็บังเกิดฟองทะเลขึ้นในบริเวณนั้นและเป็นเทวีอะโฟรไดตีขึ้นมา
      (Aphrodite -แปลว่าเกิดแต่ฟอง) หลังจากนั้นโครนอสก็ตั้งตนเป็นราชาแห่งเทพ ซึ่งถ้ามีโอกาสคงจะพูดถึงอีกในภายหลัง

            อะโฟรไดตีทำตัวสมเป็นเทพแห่งความรักมากๆ ครับ เพราะเจ้าชู้ประตูดินทีเดียวล่ะ นางเป็นภรรยาของเทพเจ้าเฮเฟสทุสก็จริง (เทพเจ้าแห่งงานช่าง โรมันเรียกว่าวัลแคน) แต่ก็ยังไปมีชู้กับเทพเจ้าอะเรสและดูเหมือนว่าจะไปมีชู้กับเทพและมนุษย์อีกหลายคนด้วยถ้าผมจำไม่ผิด อะโฟรไดตีให้กำเนิดบุตรกับอะเรส5 คนด้วยกัน ได้แก่แอนทีรอส (ตัณหา), อีรอส (ความใคร่), ไดมอส (ความกลัว), โฟบอส (ตระหนก) และฮาร์โมเนีย ฮาร์โมเนียคนนี้เป็นภรรยาของแคดมุสด้วยครับ ที่จริงเรื่องชู้รักของอะโฟรไดตีมีเรื่องเล่ากันขำขันอยู่เรื่องหนึ่งด้วย เกี่ยวกับเฮเฟสทุสที่ไปจับอะเรสได้คาหนังคาเขาครับ ถ้าใครสนใจเอาไว้เล่านอกรอบก็แล้วกันครับ เล่าในนี้เดี๋ยวจะยาว

      เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ก็คือว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งการบูชาอะโฟรไดตีในฐานะเทวีแห่งความงามเริ่มซาลงไป เนื่องจากมีสาวชาวมนุษย์อยู่คนหนึ่งที่ร่ำลือกันว่างามมาก งามจนองค์เทวีเองยังเทียบไม่ได้ งามขนาดที่ว่าจะมีการตั้งลัทธิบูชานางเป็นเทวีแห่งความงามแทนกันอยู่แล้ว (เอ.. นึกถึงสภาพในมหาวิทยาลัยยังไงก็ไม่รู้แฮะ เหมือนการตั้งแฟนคลับหรือเปล่านะ - -a) อะโฟรไดตีก็เลยเป็นอันกริ้วจัด สั่งให้อีรอสบุตรของตนเองไปทำให้นางต้องพบรัก แล้วอกหักให้ได้ (แก้แค้นได้น่ากลัวมาก O o) อีรอสคนนี้ก็คือที่ชาวโรมันเรียกกันว่าคิวปิดนั่นแหละครับ ชาวเราชอบจินตนาการถึงเด็กตัวเล็กๆ กันแต่ในตำนานช่วงนี้เขาโตเป็นหนุ่มแล้วนะ อีรอสมีศรธนูอยู่จำนวนหนึ่งแผลงใส่ใครคนนั้นก็จะตกหลุมรักกับคนแรกที่ตนเองพบ ที่มาของธนูนี้เอาไว้ผมจะเล่าพร้อมกับเรื่องเทพเจ้าอพอลโลในภายหลัง (แต่เป็นที่น่าสนใจนะ แผลงเท่าไหร่ไม่เคยเห็นศรจะหมดสักที)

            อีรอสใช้อำนาจเทพของตนทำให้ล่องหนแล้วบินรี่ไปหาไซคี จะแอบใช้ศรจิ้มขณะนางหลับ ปรากฏว่าตอนกำลังจะจิ้มเห็นนางพลิกตัวพอดีอีรอสเลยตกใจทำศรหล่นโดนตัวเองเข้า อีรอสเลยตกหลุมรักนางไซคีไปซะเอง

      กล่าวถึงบิดาของนางไซคีเห็นว่าลูกสาวของตนก็มีอายุสมควรแก่การสมรสแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครกล้ามาสู่ขอเสียที (ประมาณว่าผู้ชายบูชาเป็นเทวีแห่งความงามอย่างเดียวไม่กล้าจีบ) จึงไปรับคำพยากรณ์มาจากมิเลทุส ผลการพยากรณ์ออกมาว่าต้องนำนางไปทิ้งไว้ในภูเขา แล้วจะมีอสุรกายมารับเอานางไปเป็นภรรยา บิดาและพี่สาว 2 คนของนางก็ร่ำไห้เสียใจเป็นอย่างยิ่งแต่ก็ไม่กล้าขัดคำพยากรณ์      

      ไซคียืนรออยู่บนเขาอย่างโดดเดี่ยวสักพักใหญ่ก็ถูกเทพเซฟเฟอรุส เทพเจ้าแห่งสายลมตะวันตกพัดพาจากเขาไป (กรีกมีเทพเจ้าแห่งสายลม 4 องค์ แบ่งตามทิศ ได้แก่โบรีอัสเทพแห่งสายลมเหนือ เซฟเฟอรุสเทพแห่งสายลมตะวันตก โนทุสเทพแห่งสายลมใต้ และยูรุสเทพแห่งสายลมตะวันออก) แต่แทนที่จะเป็นถ้ำมืดอับอย่างที่นางคิด สถานที่ที่นางถูกพาไปกลับกลายเป็นราชวังที่ยิ่งใหญ่กว่าวังของบิดานางซึ่งเป็นกษัตริย์เสียอีก เมื่อนางต้องการสิ่งใดก็จะมีผู้รับใช้ล่องหนคอยปรนนิบัติ และอาหารที่นางรับทานก็มีรสโอชายิ่งกว่ามื้อใดที่นางเคยทาน

             คืนแรกนางก็ได้พบกับผู้ที่จะมาเป็นสวามีนาง แต่ก็สามารถเห็นเขาเป็นเพียงเงาลางๆ เท่านั้น ร่างกายของเขาสามารถมองเห็นได้แต่ในเวลากลางคืน และจะล่องหนในเวลากลางวัน เขาบอกนางว่าวังนี้เป็นของนาง และสารภาพรักกับนาง ทุกๆ คืนเขาจะปรากฏตัวมาพบกับนาง แต่ก็จะจากไปในยามเช้า ทีแรกไซคีเกรงกลัวคนรักล่องหนของนาง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มหลงรักมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นางยังไม่เคยเห็นหน้าเขา หรือรู้ชื่อของเขาเลย

             ไซคีตั้งครรภ์ในที่สุด คนรักลึกลับได้บอกเอาไว้ว่าถ้านางเห็นหน้าเขา บุตรนี้จะเป็นมรรตัย (คือผู้ที่ต้องตาย ตรงข้ามกับอมตะ) แต่หากนางไม่ได้เห็นเขาเลยจนกระทั่งบุตรของนางคลอด บุตรนี้ก็จะเป็นอมตะ (ในตำนานกรีกผู้ที่จะเป็นอมตะก็มีแต่เทพเจ้าหรืออสุรกายเท่านั้น) ไซคีไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ และเมื่อนางต้องพรากจากครอบครัวมาเป็นเวลานานก็ไม่ได้ขออะไรจากเขานอกจากให้ได้พบกับพี่สาวของนางบ้าง คนรักล่องหนของนางกลัวว่านางจะเหงาจึงยินยอมพาพี่สาวของนางมาพบบ้างเป็นบางโอกาส 

             าวทั้งสองของไซคีเมื่อได้มาพบกับวังอันโอ่อ่าก็อิจฉานางเป็นที่ยิ่ง นางคิดว่าหากสวามีของไซคีทอดทิ้งนางไปเมื่อใดก็จะมาสู่ขอตนแทน เมื่อทราบว่าไซคียังไม่เคยเห็นสวามีนางเลยจึงยุแก่ไซคีว่าเธอควรจะหาโอกาสแอบดูร่างกายที่แท้จริงของเขาสักครั้งหนึ่ง เพราะคนรักของนางที่แท้จริงแล้วอาจจะเป็นอสุรกายก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นนางก็ควรจะสังหารเขาแล้วหลบหนีออกมา ไซคีก็เชื่อ คืนนั้นนางจึงแอบเอาตะเกียงกับมีดอีกเล่มหนึ่งลอบดูหน้าคนรักล่องหนของนาง แต่แทนที่จะเห็นเป็นอสุรกายน่าเกลียดน่ากลัวนางก็พบว่าเขาเป็นชาวหนุ่มรูปงามคนหนึ่งซึ่งมีปีกสีทอง คืออีรอสนั่นเอง

             แต่อีรอสก็รู้สึกตัวในทันที เมื่อรู้ตัวว่าถูกนางไซคีเห็นเสียแล้วก็ได้กล่าวแก่นางว่า "ความรักและความแคลงใจไม่อาจอยู่ร่วมกันได้" แล้วก็บินกลับไปยังโอลิมปัส ไซคีเสียใจเป็นอย่างมากที่ได้ทำเช่นนั้น และมุ่งมั่นจะต้องตามหาอีรอสให้พบอีกครั้งให้ได้ เพราะนางก็รักเขาเสียแล้ว ฝ่ายพี่สาวทั้งสองของนางเมื่อทราบว่าสวามีของไซคีได้จากไปแล้วก็กระโดดลงจากหน้าผาทันที หวังจะให้เทพเซฟเฟอรุสมารับไปวังศักดิ์สิทธิ์ แต่ปรากฏว่างวดนี้เทพเซฟเฟอรุสไม่มารับเลยตกผาตายทั้งสองคน

            ไซคีตำหนิตัวเองที่ไม่เชื่อใจสวามีของตนจนต้องสูญเสียอีรอสไปเพียงเพราะความสงสัย เธอต้องการอีรอสกลับคืนมาจึงเฝ้าภาวนาต่อเทวีเฮร่าและเทวีดีมีเทอร์ (หรือเทวีเซเรส เทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง) หากแต่ก็ไม่มีคำตอบจากเหล่าเทพเจ้า และอีรอสก็ไม่ได้กลับมาหานาง เธอจึงคิดว่าหากยอมไปเป็นข้ารับใช้ของเทวีอะโฟรไดตีซึ่งเป็นมารดาของอีรอสแล้วล่ะก็ เขาอาจจะพอใจและกลับมาหานางก็เป็นได้

      แต่ไซคีไม่รู้ว่าอะโฟรไดตีนั้นโกรธเกลียดตนเองเท่าใด นอกจากการที่ผู้คนหันมาบูชานางแทนองค์เทวีแล้ว เมื่อเทวีสั่งให้อีรอสมาทำให้นางเกิดความรักขึ้นเขากลับมารักนางเสียเองอีก ยิ่งทำให้อะโฟรไดตีโกรธนางมากขึ้นเป็นทวีคูณ ด้วยเหตุนี้การกลั่นแกล้งสารพัดมาตรฐานละครน้ำเน่าจึงกลับมา อะโฟรไดตีใช้งานไซคีอย่างหนัก และบ่อยครั้งเป็นภารกิจที่ไม่สามารถจะเป็นไปได้ แต่ไซคีก็จะได้รับความช่วยเหลือจากสัตว์เล็กต่างๆ จนสามารถทำตามคำสั่งได้หมดทุกครั้ง (โอ้ มันช่าง.. สโนไวท์เสียนี่กระไร) อะโฟรไดตีโกรธมาก จึงสั่งให้นางไปเอากล่องใส่ความงาม (คาดว่าน่าจะเป็นเครื่องสำอางค์หรืออะไรสักอย่าง) มาจากเทวีเพอร์เซโฟเน่ (พรอเซอร์พิน่า ถ้าเรียกอย่างโรมัน) ชายาเจ้านรกเฮเดส

      ไซคีเสียใจมาก เพราะไม่มีมรรตัยใดจะสามารถไปยังปรโลกแล้วกลับมาได้อีก นางคิดว่าหากนางไม่สามารถจะทำให้อีรอสกลับมาหานางได้แล้วสู้ยอมตายเสียดีกว่า จึงขึ้นไปบนยอดหอคอยหวังจะฆ่าตัวตาย แต่ปรากฏว่าหอคอยนั้นกลับกล่าวแก่นางถึงวิธีที่จะทำให้ภารกิจนั้นลุล่วงไปได้ (หอคอยพูดได้เนี่ยนะ O o) อย่างไรก็ตามหอคอยได้กำชับแก่นางว่าอย่าเปิดกล่องที่ได้รับมาจากเพอร์เซโฟเน่เป็นอันขาด

            ไซคีลงไปยังโลกใต้พิภพ จ่ายค่าผ่านทางแก่ชารอนคนแจวเรือข้ามแม่น้ำสติกซ์ (แม่น้ำยมโลก) เอาขนมเค้กน้ำผึ้งไปให้เซอร์บีรุสกิน (สุนัขสามหัวเฝ้าประตูนรก บางทีก็เรียกกันว่าเคอร์เบรอส) เพื่อที่ว่านางจะได้ผ่านประตูนรกไปได้ เมื่อนางมาถึงวิมานขอเฮเดสแล้วก็ทำตามที่หอคอยแนะนำทุกอย่าง ไม่นั่งบนเก้าอี้ และเลือกกินแต่เพียงขนมปังเท่านั้นโดยปฏิเสธอาหารอย่างอื่น

      ในที่สุดนางก็ได้กล่องใส่ความงามของเทวีเพอร์เซโฟเน่มา นางเดินทางกลับทางเดิมโดยให้ขนมอีกชิ้นแก่เซอร์บีรุสและจ่ายให้ชารอนอีกหนึ่งเหรียญ แต่เมื่อนางกลับออกมาจากโลกใต้พิภพได้แล้วความสงสัยของนางก็ทำเรื่องอีกจนได้ นางอยากจะรู้ว่าความงามของเหล่าเทพเจ้าเป็นอย่างไร และอยากจะลองใช้เองบ้างสักนิดหนึ่งเผื่ออีรอสจะพึงพอใจนางจึงเปิดกล่องออก แต่ทันทีที่กล่องถูกเปิดออกนางก็ตกอยู่ในห้วงนิทรา  

      ฝ่ายอีรอสเมื่อเวลาผ่านไปก็ลืมความโกรธที่มีต่อไซคีไปสิ้น เขารีบบินออกตามหาไซคี และในที่สุดก็มาพบนางที่นอนสลบไสลอยู่จึงปลุกนางขึ้นมา ไซคีดีใจมากที่พบหน้าอีรอสและอีรอสก็ได้ให้อภัยนางแล้ว ไซคีนำกล่องไปให้เพอร์เซโฟเน่ ส่วนอีรอสก็ไปขอร้องให้ซูสทำให้นางกลายเป็นอมตะอยู่ร่วมกับเหล่าทวยเทพ ซูสยินยอม แล้วอีรอสกับไซคีก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขนับแต่นั้นมา

      รูปของไซคีและอีรอส
      .
      .
      .
      .


      ภาพไซคีเปิดกล่องทองคำ


      ภาพเพอร์เซโฟเน่ เทวีแห่งฤดูใบไม้ผลิ
      ก่อนที่จะกลายเป็นราชินีแห่งโลกใต้พิภพ


      กำเนิดเทวีอะโฟรไดต์


      อีรอสกับไซคีคะ จะเห็นได้ว่าอีรอสมีปีกด้วยนะ

      อีรอสกับไซคีคะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×